มะเร็งเยื่อใยหินในระยะสุดท้าย (Terminal Mesothelioma Cancer)

วิธีที่จะรู้การใกล้ตายของเหยื่อที่เป็นโรคมะเร็ง Mesothelioma

เมื่อผู้ป่วยที่เป็นเหยื่อของโรคมะเร็งเยื่อใยหิน (mesothelioma)เริ่มแสดงสัญญาณว่าจะเสียชีวิตแน่นอนแล้วนั้น ก็จะเป็นเวลาที่บรรดาญาติพี่น้องจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมเป็นต้นว่ามาพูดกล่าวคำอำลาอาลัยแก่คนที่เป็นที่รักของพวกเขาที่กำลังจะจากโลกนี้ไป



ก็จะเป็นช่วงที่จะมีการประกอบพิธีทางศาสนาตามลัทธิศาสนาตามที่ผู้ป่วยต้องการจะให้ทำก่อนที่เขาหรือหล่อนจะอำลาจากโลกนี้ไป และก็จะเป็นโอกาสสำหรับครอบครัวและมิตรสหายคนแล้วคนเล่าที่จะมาแสดงความรักและความอาลัยต่อคนป่วย



และนี่ก็เป็นการถึงเวลาที่จะวางแผนกันว่าจะทำอะไรกันบ้างหลังจากที่ผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นครอบครัวของผู้ป่วยก็จะต้องไม่เกิดความสับสนถึงสิ่งต่างๆที่ควรกระทำในช่วงที่กำลังอยู่ในอารมณ์วุ่นวายเช่นนี้ หากผู้ป่วยเข้าไปพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ก็จะมีนางพยาบาลและนักสังคมสงเคราะห์มาคอยให้ความช่วยเหลือพวกญาติๆ หากคนป่วยไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลท่านก็จะต้องโทรศัพท์พูดกับแพทย์ว่าท่านควรจะทำอะไรบ้างเมื่อถึงเวลาที่ผู้ป่วยต้องตายจริงๆ



มีอาการบางอย่างที่ท่านสามารถสังเกตเห็นในตัวคนป่วยโรคมะเร็งใยหินที่กำลังใกล้จะเสียชีวิด เป็นดังนี้ 



1. การเปลี่ยนแปลงในระบบการทำงานของร่างกาย

  • มีความอ่อนแอมาก คนป่วยจะไม่สามารถลุกออกมาจากเตียงและมีความลำบากที่จะเคลื่อนไหวบนเตียง
  • มีความจำเป็นต้อให้ความช่วยเหลือในทุกสิ่งที่เขาและเธอผู้ป่วยจะต้องกระทำ อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนอิริยาบถด้วยตนเองได้ ต้องมีคนมาคอยช่วยเหลือตลอด
  • มีความสนใจที่จะรับประทานอาหารน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งรับประทานอาหารน้อยมากและดื่มน้ำน้อยมากในแต่ละวัน
  • มีความยากลำบากในการกลืนยาทั้งแบเมล็ดและแบบน้ำ
  • อยากนอนตลอดเวลา คนป่วยอาจงีบหลับพักผ่อนได้นานขึ้นหากไม่มีอาการเจ็บปวด อาจมีคามกระวนกระวายเอามือดึงทึ้งผ้าปูเตียง อาจปลุกให้ตื่นยากมาก ความวิตกกังวล กลัว ตื่นเต้น และกระวนกระวาย อาจลดน้อยลงในช่วงกลางคืน
  • ไม่มีสมาธิ จิตใจวอกแวก มีสมาธิสั้น
  • สับสนในเรื่องเวลา สถานที่ และบุคคล
  • มีความสามารถจำกัดที่จะให้ความร่วมมือแก่ผู้ดูแล
  • การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ มือ แขน เท้าและใบหน้า ทำไม่ค่อยได้


2. การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจ

  • ชอบหลับยาวในช่วงกลางวัน
  • ปลุกให้ตื่นจากหลับได้ยาก
  • สับสนเรื่องเวลา สถานที่ และบุคคล
  • กระวนกระวาย มือดึงหรือขยุ้มผ้าปูเตียง
  • อาจพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือบุคคลที่อยู่ต่อหน้า
  • อาจมีความวิตกกังวล กระวนกระวาย กลัว และซึมเศร้าในช่วงกลางคืน
  • หลังจากช่วงนอนหลับและช่วงสับสนวุ่นวายนั้นแล้ว อาจจะกลับมามีสติสัมปชัญญะเป็นช่วงสั้นๆ แล้วก็จะกลับคืนสู่สภาวะครื่งหลับครึ่งตื่นอีกครั้ง


3.การเปลี่ยนแปลงในเมตาบอลิสม์

  • เบื่ออาหาร คนไข้จะมีความต้องการอาหารและน้ำดื่มน้อยลง
  • ปากจะแห้ง
  • อาจไม่จำเป็นต้องให้ยา วิตามิน ฮอร์โมน ยาลดความดันโลหิต เป็นต้น เว้นเสียแต่ว่าจะช่วยให้คนป่วยมีอาการสบายขึ้น


4. การเปลี่ยนแปลงระบบน้ำลาย
  • มีเสลดมาพันคอ(สังเกตได้จากการฟังเสียงหายใจ)
  • น้ำลายข้นเนื่องจากดื่มน้ำน้อยและคนป่วยไม่ได้ไอ 


5.ความเปลี่ยนแปลงในการไหลเวียนและอุณหภูมิ

  • แขนและขาอาจจะเย็นมากเพราะการไหลเวียนของโลหิตช้าลง
  • ผิวหนังที่แขน ขา มือ และ เท้า อาจมีสีคล้ำและมีรอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆ
  • บริเวณอื่นๆร่างกายอาจเป็นสีคล้ำหรือซูบซีด
  • ผิวหนังอาจเย็น แห้ง หรือ ชื้น
  • อัตราการเต้นของหัวใจอาจเร็ว ขาดหาย หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ
  • ความดันของโลหิตอาจจะลดลง จนจะฟังแทบไม่ได้ยิน



6.การเปลี่ยนแปลงในประสาทสัมผัสและการรับรู้
  • สายตัวพล่ามัวมองเห็นแต่เพียงลางๆ
  • หูไม่ค่อยได้ยิน แต่คนป่วยเกือบทุกรายจะสามารถมองเห็นคุณได้แม้ว่าพวกเขาจะพูดไม่ได้


7. การเปลี่ยนแปลงในการหายใจ
  • การหายใจอาจเร็วขึ้นแล้วช้าลงทั้งนี้เพราะมีการไหลเวียนของโลหิตน้อยและมีสิ่งปฏิกูลในร่างกายเพิ่มมากขึ้น
  • มีเสลดมาติดอยู่ที่ด้านหลังคอทำให้เกิดเสียงเมื่อหายใจ
  • คนป่วยอาจไม่หายใจเป็นระยะเวลา 10-30 วินาที
8. การเปลี่ยนแปลงในระบบขับถ่ายของเสีย
  • ปัสสาวะอาจเป็นสีคล้ำและมีปริมาณลดน้อยลง
  • เมื่อใกล้จะเสียชีวิต คนป่วยอาจจะปล่อยอุจจาระและปัสาวะออกมาเรี่ยราด



สัญญาณของความตายแบบตายแน่นอน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Brain Death ก็จะมีลักษณะอย่างนี้ 


  • หยุดหายใจเพราะหน้าอกของคนป่วยไม่เคลื่อนไหว ไม่แสดงการเคลื่อนไหวของการไหลเวียนโลหิตตามปกติ
  • ความดันของโลหิตไม่สามารถวัดได้
  • ชีพจรในเส้นเลือดหยุดเต้น
  • ตาไม่เคลื่อนไหวค้างอยู่กับที่
  • ม่านตาเปิดแม้จะโดนแสงจ้า
  • สูญเสียการควบคุมอุจจาระและปัสสาวะเพราะกล้ามเนื้อส่วนนั้นหย่อนยาน


หลังจากที่คนป่วยเสียชีวิตแล้ว ก็ควรที่ญาติมิตรจะได้นั่งอยู่กับศพของผู้ตายสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง อย่าเพิ่งรีบลุกไปทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทันที หลายครอบครัวใช้เวลาช่วงนี้สวดมนต์กันบ้าง ถามไถ่กันในระหว่างผู้ที่มาเยี่ยมผู้ป่วยบ้าง และก็พูดคุยกันถึงคุณงามรักที่ทุกคนมีแก่ผู้ตายบ้าง



หากผู้ป่วยเสียชีวิตที่บ้าน คนที่ดูแลผู้ป่วยก็มีหน้าที่ที่จะต้องติดต่อโทรศัพท์ถึงบุคคลต่างๆ ที่เห็นว่าควรติดต่อ จะต้องปฏิบัติตามระเบียบตามข้อฏิบัติทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายศพจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งอย่างไรก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น ท่านอาจจะสอบถามไปทางแพทย์หรือนางพยาบาลตามโรงพยาบาลเพื่อขอความรู้ข่าวสารจากพวกเขาก็ได้ แล้วก็อย่าลืมจัดการติดต่อฌาปนสถานของวัดใดวัดหนึ่งที่เห็นว่าสะดวกในการตั้งศพบำเพ็ญกุศลในลำดับต่อไป.

Share on Google Plus

About แบ่งปันสาระ

แบ่งปันสาระ แหล่งรวมข่าวสาร,บันเทิง,สาระน่ารู้,Life Style , สุขภาพ,โรคภัย,สมนไพร,
    Facebook
    Blogger Comment