น้ำเพชร ร่ำไห้แถลงโดนปลดตำแหน่งรองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยันไม่เคยขายตัว วอนขอโอกาสสังคมยังอยากทำงานในวงการ
เรียกว่าเป็นเวทีขาอ่อนที่วุ่นวายพอสมควร จากน้องฝ้าย เวฬุรีย์ ที่ขอสละมงกุฎเพราะทนกระแสสังคมไม่ไหว ต่อมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มีคำสั่งฟ้าผ่าปลด "เอมี่ น้ำเพชร" หรือ"นางสาวสุณัณณิภาร์ กฤษณสุวรรณ" พ้นจากตำแหน่งรองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 หลังจากมีภาพฉาวล็อตใหญ่โชว์หวิวคร่อมรถและมีภาพนุ่งน้อยห่มน้อย เรียกว่าไม่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของการเป็นนางงาม
ล่าสุด เอมี่ น้ำเพชร ได้เดินทางมาอัดรายการสน.แสนแสบ ที่ตึก GMM Grammy เปิดใจทั้งน้ำตาหลังถูกปลดโดยยอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นตนเองทั้งหมด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจถ่ายเพราะต้องการนำเงินไปรักษาแม่ที่กำลังจะเข้าผ่าตัด นอกจากนี้ น้ำเพชร ยังได้พูดถึงกองประกวดโดยบอกว่ามีผู้ใหญ่สั่งห้ามออกงานแม้กระทั่งวันเดินสายขอบคุณสปอนเซอร์ ตนเองก็ไม่ได้กับทีม
วันนี้ขอโอกาสสังคมตนอยากทำงานในวงการบันเทิง และตนเองไม่ได้ต้องการตำแหน่งคืนแต่ที่ออกมาพูดในวันนี้เพื่อขอความยุติธรรมให้ตัวเองบ้าง
"อยากจะขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง เรื่องข่าวที่ปรากฎบนสื่อต่าง ๆ ที่ขายตัว เป็นเด็กเสี่ย มอมยาเด็กไปขาย เป็นเมียน้อยนายทหารอากาศ ทั้งหมดไม่เป็นจริง ทำให้เสียเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงมาก เลยต้องออกมาชี้แจง ยืนยันต่อหน้าสื่อเลยว่าไม่จริง ถ้ามีหลักฐานก็นำมาชี้แจงได้เลย เรื่องที่เป็นเอเย่นส่งเด็ก ครอบครัวหนูอ่านข่าวแล้วไม่มีความสุขเลย ถูกกล่าวหามาเป็นเวลา 3 เดือนก่อนพ้นตำแหน่ง อยากถามกลับว่าถ้าเป็นเด็กส่งจริงๆ ช่วยส่งให้เด็กคนนั้นมายืนยันได้ไหม หรือเป็นเมียน้อยนายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่ หรือมีเสี่ยเลี้ยง คงไม่ต้องมานั่งทำงานหาเงินส่งตัวเองและครอบครัวหรอกค่ะ"
"และอีกอย่างที่เคยเป็นพริตตี้ ตอนนั้นก็เป็นแค่เด็กคนนึง อยู่กับแม่ 2 คน แม่ป่วยเป็นเซลล์ปากมดลูกผิดปกติ ต้องรีบผ่าตัดโดยด่วน ไม่งั้นจะอยู่ไม่ถึงวัยที่สมควรจะไป ตอนนั่นหนูอยู่แค่ม.5 ไม่รู้จะทำยังไงเพื่อช่วยแม่ ก็เลยไปทำพริตตี้ มันเป็นอาชีพที่สุจริตและใครก็อยากทำ สวยอย่างเดียวก็ทำไม่ได้นะ ต้องเก่งด้วย อาชีพนี้สุจริตและถูกกฏหมาย วันนี้ก็เลยไปหาหลักฐานว่าแม่ป่วยจริง ๆ มีประวัติการรักษาตลอด"
"ส่วนที่บอกว่าภาพค่อนข้างแรงเกินไปนั้น สาเหตุที่ต้องทำงานตรงนั้นคือต้องหาให้เร็ว ไม่ว่างานจะแรงแค่ไหน ด้วยความที่เป็นลูก แล้วถ้ามันแรงจริงและไม่ผิดกฎหมาย ไม่ได้ขายตัว ก็อยากรีบทำเพื่อให้แม่หาย ตอนนั้นไม่เคยคิดว่าอนาคตเราจะมาไกลได้ขนาดนี้ คุณแม่ทราบแค่ว่าเป็นพริตตี้ธรรมดาแต่พอเห็นรูปก็ตกใจ ถ่ายแบบนั้นแค่ครั้งเดียว เพราะเงินที่ได้ค่อนข้างสูงนำมาเป็นค่ารักษาให้แม่ได้ครั้งนึง"
"ส่วนที่เคยปฏิเสธ หนูไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ใช่หนูเลยนะคะ ที่ออกมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกของหนู เคยสัมภาษณ์ไปครั้งก่อนก็ยอมรับไปแล้วว่าใช่ มันเป็นอดีตของหนูทั้งหมดไม่เคยปฏิเสธ"
"วันที่กองเรียกเข้าไปคุย เขาเรียกเข้าไปคุยหลายครั้งนะ ยอมรับว่าจริง อธิบายไปว่าทำไปเพราะอะไร และเอาหลักฐานไปให้เขาดู เราเข้ามาประกวดด้วยความศรัทธา เตรียมตัวมาตลอด เดินสายไปงานประกวดทุกที"
"ตอนแรกได้ตั้งคณะกรรมการมาสอบสวน เราก็ตอบไปตามความจริงทุกอย่าง แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไร พอวันนึงที่คนอื่นไปขอบคุณสื่อกันแต่หนูไม่ได้ไป พอถามผู้ใหญ่ เขาก็บอกว่ายังไม่ให้ออกงานไปไหน พอมีงานเข้ามาก็ไม่รับให้ เคยมีงานพิธีกรเข้ามาก็ไม่ให้ เราขอรับงานเพราะเงินเราไม่มี จากกองก็ไม่ให้ ต่อมาวันที่ 15 ผู้ใหญ่ก็นัดเข้าไปคุยในกอง พอจะไปก็ผิดนัดและเลื่อนตลอด"
"ถามว่าแฟร์ไหม คิดว่าปลดแบบไม่ยุติธรรมเลย มีงานติดต่อเข้ามา เขาก็ให้รอเขากลับมากทม. สรุปงานนั้นพลาดไป พอเขาบอกให้ลูกค้าติดต่อกองโดยตรง กองก็ไม่ตอบรับ รอนานมาก พอมาอีกครั้งนึงก่อนโดนปลด เขาได้เรียกเพจแอนตี้เข้าไปคุย โดยที่หนูไม่รู้เรื่องเลยสักนิด"
"ถามว่าอยากได้มงกุฎกับตำแหน่งคืนไหม มงกุฎเป็นแค่สิ่งสมมติ ตำแหน่งไม่อยากได้คืน ไม่ว่ายังไงก็โดนอยู่แล้ว แต่ที่ออกมาบอกคือทุกอย่างไม่ยุติธรรม"
"ตอนที่ทางกองเรียกเพจแอนตี้เข้าไปคุย มีคนที่เข้าไปคุยมี 5 คน ไม่รู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน และรู้จักตัวหนูดีแค่ไหน ไม่รู้จัก (โชว์ข้อมูลในเพจแอนตี้) แสดงว่าผู้ใหญ่รู้ว่าใครเป็นคนแฉ แต่ไม่ยอมบอกเราว่าเป็นใคร"
"ต่อมาวันที่ 8 ก.ค. ผู้ใหญ่ได้ไลน์มาว่าขอให้เข้าไปวันที่ 10 เวลา 16.00 น. และหลอกล่อให้เอามงกุฎไปคืน โดยบอกว่าขอเอาไปซ่อม เราไม่เคยคิดว่าจะโดนปลด ที่เอาไปก็แค่กล่องเพราะมงกุฏซ่อมแล้ว ต่อมาผู้ใหญ่เชิญหนูเข้าไปในห้องคนเดียว ใช้ถ้อยคำที่บีบหัวใจมาก บอกว่าหนูมีอาชีพที่น่ารังเกียจของสังคม พอได้ยินพูดเลยว่าร้องไห้ไม่หยุด หนูขอโอกาสจากผู้ใหญ่ ว่ามีทางออกที่ดีกว่านี้ไหม คือมันเหมือนสร้างตราบาปในชีวิตมาก เรื่องเหล่านั้นเป็นอดีต แต่อนาคตจะเปลี่ยนให้ได้ แต่ผู้ใหญ่บอกมาให้ทนายพูดว่าหรือจะสละเอง ฟังมันเป็นความกดดันมากกว่า ก่อนเซ็นสัญญาก็ขอโทรหาแม่ แต่เขาไม่ให้หนูออกจากห้องเลย"
"หนูยอมรับกับการที่โดนปลดค่ะ วันนั้นให้เซ็นยอมรับรูปภาพและเซ็นพ้นจากตำแหน่ง และให้ไปเลือกเองว่าจะสละเอง หรือให้ปลด เราก็บอกไปว่าจะสละทำไมในเมื่อก็ปลดอยู่ดี"
"ส่วนมงกุฎและเงินรางวัลไม่คืนค่ะ ทางกองโทรมาเรียกคืนจริง แต่หลังวันที่หนูเครียดจนป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลก็บอกผู้ใหญ่ไปว่าขอสละเอง แต่กองบอกให้เวลาถึงวันที่ 17 ก.ค. แต่หนูยังป่วยอยู่ บอกไปว่าถ้าหายป่วยแล้วจะติดต่อกลับไป พอถามเรื่องเงินรางวัลว่าจะได้ไหมเขาก็ให้ทนายจัดการ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า"
"ถ้าสละเองก็เป็นความผิดพลาดของหนู แต่โดนปลดเป็นความผิดพลาดของกองค่ะ"
"ไม่ได้ของรางวัลและเงินจากกองสักบาท เขาก็บอกว่าอย่าใช้ตำแหน่งนี้ไปขายของ หรือทำมาหากินนะ เขาใจร้ายมาก (ร้องไห้)"
"หนูไม่ได้ต้องการแฉหรือให้ใครโดนปลดอีก แต่อยากขอความยุติธรรม และอยากถามกลับที่เลือกหนูเพราะหนูมีความพร้อมในตอนแรกใช่ไหม แล้กลับรูปผู้หญิงอีกคนที่จูบปากแฟน นอนบนเตียงเดียวกันกับแฟนสมควรที่จะได้เป็นตัวแทนคนไทยจริง ๆ หรอ กลับหนูแค่ถ่ายรูปคนเดียวบนรถก็โดนปลด (โชว์หลักฐานแอลลี่)
"ไม่ยอมรับ ออกมาแฉกองและเพื่อน หนูไม่ได้มีเจตนาที่จะแฉใคร แต่อยากออกมาพูดในฐานะที่เป็น 1 ใน 3 ที่โดนปลดอย่างไม่ยุติธรรม หลังจากนี้ฟิตแบคจะเป็นยังไงยอมรับค่ะ"
"น้อมรับในความตัดสิน จะคืนตำแหน่งให้ แต่มงกุฎคือรางวัลที่หนูควรจะได้รับ เพราะได้มาอย่างชอบธรรม ตอนนี้ยังไม่ได้รับอะไรเลย แล้วยังจะคืนใครอีกหรอคะ คนทุกคนมีอดีต อยากให้เก็บเรื่องของหนูไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่จะมาประกวด อย่าให้เป็นแบบหนู ตอนแรกหนูคิดว่ากองน่าจะมีการตรวจสอบทุกคนอย่างดีแล้ว"
"กับทางกองประกวดหนูยินดีที่จะน้อมรับและยินดีที่จะคุย ไม่กลัวโดนฟ้องกลับ เพราะไม่ได้แฉและให้ร้ายใคร ทุกคำเป็นคำที่ผู้ใหญ่ในกองพูดกับหนูจริง ๆ"
"มีพี่ ๆ หลายคนที่เป็นนางงามออกมาเตือน ก็เห็นข่าวแล้ว เป็นความคิดของแต่ละคน แต่วันนี้หนูคิดว่ามันไม่ยุติธรรมจริง ๆ ถ้าถามว่ายังมีความศรัทธาต่อเวทีนางงามอีกไหม ยังมีความศรัทธากับเวทีไม่เคยเสื่อม แต่ครั้งนี้กลับไม่ยุติธรรม ขอโอกาสจากสังคมและผู้ใหญ่มาตลอด แต่ก็ไม่ได้ (ปล่อยโฮ) หนูต้องขอโทษทุกคนในความผิดพลาดของอดีตที่ไม่สามารถกลับไปแก้อะไรได้
Facebook
Blogger Comment