คาดโดนรมยา สลบทั้งโบกี้ ตื่นมาทรัพย์สินหายเกลี้ยง





ผู้โดยสารกว่าสิบราย และเจ้าหน้าที่ อส.บนขบวนรถไฟด่วนพิเศษทักษิณที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ถูกขโมยทรัพย์สินมือถือไปสิบเครื่อง คาดถูกคนร้ายวางยานอนหลับ

วันที่ 5 ส.ค. ร.ต.อ.พนมน้อย ทิพย์ลาย รอง สว.รฟ.หาดใหญ่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟจำนวนหนึ่งเข้าตรวจสอบตู้นอนชั้นสองของขบวนรถไฟด่วนพิเศษทักษิณที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก บนตู้โบกี้ที่ 10 หลังรับแจ้งว่าพบผู้โดยสารกว่าสิบคนกำลังนั่งอยู่ในสภาพอาการสะลึมสะลือ มึนงงโดยไม่ทราบสาเหตุ คาดถูกมิจฉาชีพวางยานอนหลับก่อนกวาดทรัพย์สินโทรศัพท์มือถือของผู้โดยสารไปสิบเครื่องและกระเป๋าใส่เงินไปจำนวนหนึ่ง

ด้าน อส.ทพ.ปฐม พินากัน หน่วย ฉก.จ.นราธิวาส ให้การว่า ขณะที่ขบวนรถไฟด่วนพิเศษทักษิณออกจากสถานีต้นทางกรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 ส.ค จนขบวนรถไฟได้วิ่งมาถึงสถานีสุราษฎร์ธานีเวลาประมาณตีสามของวันที่ 5 ส.ค ซึ่งขณะนั้นตนเองพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ภายในตู้โบกี้ ซึ่งมีอยู่ประมาณสามสิบถึงสี่สิบคน ยังนั่งคุยกันและอาการรู้สึกตัวดี หลังออกจากสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีวิ่งจนถึงสถานีรถไฟจันทร์ดี ปรากฏว่าผู้โดยสารทั้งหมดเกิดอาการง่วงนอนอย่างรุนแรงก่อนหลับไปโดยไม่รู้สึกตัวทั้งหมด และได้มารู้สึกตัวสะดุ้งตื่นอีกครั้งช่วงสถานีทุ่งสง เวลาประมาณหกโมงเช้าและพบว่าผู้โดยสารทั้งหมดยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือมึนงง และเมื่อตรวจสอบทรัพย์สินพบว่ามีโทรศัพท์ของผู้โดยสารหายไปทั้งหมดประมาณ 10 เครื่อง และเงินสดจำนวนหนึ่ง บางรายคนร้ายได้ถอดซิมการ์ดโทรศัพท์ทิ้งไว้ให้ส่วนเครื่องรวมทั้งแท่นชาร์จ สายชาร์จ และแบตเตอรี่ถูกคนร้ายขโมยไปทั้งหมด

โดยตู้โบกี้ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากตู้โบกี้เลดี้เพียงล็อกเดียว และขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ อส.ทพ.จำนวน 4 คน นั่งอยู่บนขบวนตู้นี้ด้วย และเกิดอาการง่วงนอนเหมือนผู้โดยสารคนอื่นๆ เช่นกัน ในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่บนขบวนรถไฟอาจถูกคนร้ายวางยานอนหลับเพื่อขโมยทรัพย์สินดังกล่าว สำหรับผู้เสียหายส่วนใหญ่เดินทางไปลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภายใต้ ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปในครั้งนี้ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ จำนวน จำนวน 10 เครื่อง เงินสด 2,500 บาท และอุปกรณ์โทรศัพท์จำนวนหนึ่ง เบื้องต้นทำการตรวจค้นผู้โดยสารทุกคนบนตู้โบกี้เพื่อหาหลักฐานโทรศัพท์มือถือและเงินสดที่หายไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องใด ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดก่อน เพื่อสรุปสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง.

http://www.thairath.co.th/content/441304
Share on Google Plus

About แบ่งปันสาระ

แบ่งปันสาระ แหล่งรวมข่าวสาร,บันเทิง,สาระน่ารู้,Life Style , สุขภาพ,โรคภัย,สมนไพร,
    Facebook
    Blogger Comment